มาเข้าเรื่องกันดีกว่ากับภาพยนตร์เรื่อง
World War Z (ใครออกเสียงแซดไทยมากนะครับ)
เป็นหนังที่ถ้าใครได้ดูตัวอย่างแล้วจะต้องรู้สึกตื่นเต้นกับความบ้าระห่ำของเหล่าซอมบี้
ที่สวมวิญาณเป็นนั่งวิ่ง 4 X 100 ไล่กัดชาวบ้านแบบไม่มีเหตุผลและไม่ต้องการความเข้าใจใด
ๆ ทั้งสิ้น ทำให้อาจจะถูกจริตของคนที่ชอบหนังผี แนว Survivor หนีตายกันไปข้างเลยก็เป็นได้
ภาพยนตร์เรื่องนี้โดยส่วนตัวผมติดตามข่าวสารและได้ดูตัวอย่างครั้งแรกตั้งแต่ไปชมภาพยนตร์เรื่อง
The Dark Knight
Rises ที่โรงภาพยนตร์ IMAX แล้วรู้สึกตื่นเต้นและรอวันที่จะได้ดูของจริง
ทั้งชื่อของผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ที่ต้องบอกว่ายอดเยี่ยมคนนึงในวงการภาพยนตร์ยุคนี้เลยก็ว่าได้
Man Of Steel เล่าถึง
Clark Kent หรือ Kal-El (แสดงโดย Henry
Cavill ที่เคยแสดงเรื่อง Immortals , The Cold Light of Day)
เด็กน้อยผู้ที่ถูกส่งตัวมาลี้ภัยจากดาวคริปตอนมายังโลก
พร้อมแบกความหวังแห่งการอยู่รอด และเติบโตมาพร้อมปมเล็ก ๆ ที่ว่าตัวเองคือใคร
พร้อมเดินทางตามหาความจริงของตัวตนจนได้พบกับ Lois Lane (นำแสดงโดย
Amy Adams ที่ฝากผลงานเด่น ๆ ไว้อย่าง Enchanted ,
Julie & Julia) นักข่าวสาวแห่ง Daily Planet ที่มาพบความจริงพร้อมเขียนข่าวเกี่ยวกับเอเลี่ยน ก่อนที่จะพลาดให้กับ General
Zod (นำแสดงโดย Michael Shannon) ที่รู้แหล่งกบดานที่
Kal-El ที่ส่งตัวมา (ก็คือโลกเรานี่หล่ะ)
มาในเวอร์ชั่น 2013
เป็นฉบับที่ไม่เรื่องว่า "รีเมค" แต่มันคือการ
"รีมาสเตอร์" จากหนัง 35 มม. กลายมาเป็น
"ไฮเดฟฟินิชั่น" พร้อมระบบใหม่นั่นก็คือ 3D เพื่อเพิ่มความสนุกให้เข้ากับยุคสมัย
(คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ 3 ที่นำหนังเก่ามาทำเป็น 3D ต่อจาก Star War I กับ Titanic)
ในเรื่องของการนำมาทำในระบบใหม่ถือว่าทำได้ดีในระดับนึงเท่านั้น
อาจจะเป็นเพราะต้นฉบับของหนังก็ไม่ได้คิดหรือมีมุขลูกเล่นในแบบ 3D มากอยู่แล้ว
แต่ก็สามารถเพิ่มอรรถรสได้ในระดับนึงสำหรับคนที่อาจจะยังไม่เคยสัมผัสหนังได้โนเสาร์เรื่องนี้
ก็เป็นอีกประสบกาณ์นึงที่ควรค่าแก่การดู แต่ถ้าถามว่าจำเป็นต้องดูมั้ย
ขอบอกว่าไม่เลยเพราะมันก็คือหนังเก่าที่เรารู้เรื่องทุกอย่างอยู่แล้ว
แต่ถ้าใครอยากจะลองไปชมเป็นแบบ 3D ก็ต้องไปลองเอาเองแล้วกัน
Jurassic Park ถือว่าเป็นหนังขึ้นหิ้งและอยู่ในดวงใจของใครหลาย
ๆ คนโดยเฉพาะคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป
ที่ใครอยากเห็นไดโนเสาร์กลับมาโลดแล่นบนจอเงินอีกครั้งก็ไม่ควรพลาด
แต่มันก็ไม่ต่างจากกระเพราะที่เพิ่มไข่ดาวบนจานใบใหม่หรอกนะครับ
เรื่องนี้ของดออกดาว แต่จะให้ดาวในเรื่องของ 3D (6/10)
Star Trek Into
Darkness
สงครามอวกาศที่ไร้รอยต่อ
ก่อนอื่นขอออกตัวเลยว่า
โดยส่วนตัวแล้วไม่ใช่แฟนหนังชุดนี้อย่าง Star Trek แต่อย่างใด
ทั้งตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่เคยดูจบซักภาคหรือจะเป็นซีรี่ย์ก็ไม่เคยติดตาม
แต่ที่ผมอยากดูเรื่องนี้เพราะชื่อของผู้กำกับเท่านั้น และก็ได้ติดตาม Star
Trek เวอร์ชั่นของ เจ.เจ.อับรามส์ตั้งแต่ภาคที่แล้ว
Star Trek Into Darkness สตาร์เทรค ทะยานสู่ห้วงมืด
เมื่อลูกเรือของยานเอนเตอร์ไพรส์ได้ถูกส่งตัวกลับมาถึงดาวโลก
พวกเขาได้เผชิญกับพลังที่น่าสะพรึงกลัวและยากจะหยุดยั้งที่เกิดขึ้นภายในองค์กรของพวกเขาเอง
มันได้ทำลายกองยานรบและทุกสิ่งทุกอย่าง
ทำให้โลกเข้าสู่สถานการณ์ที่อันตรายอย่างยิ่ง
แต่สรุปโดยรวมแล้วถึงแม้ตัวบทจะยังดูอ่อน
แต่หนังก็ชดเชยด้วยเรื่องของฉากแอคชั่น ความตื่นเต้นตั้งแต่ต้นจนจบ
บทของตัวละครที่เข้าขากันและฮาไปในตัว ถือเป็นหนังแอคชั่นไซไฟที่หาดูยากในยุคปัจจุบันอย่างแท้จริง
และเป็นที่น่าเสียดายว่า ภาคนี้จะเป็นภาคสุดท้ายของ เจ.เจ.อับรามส์
ที่จะทำหนังในซีรี่ย์ Star Trek เพราะเฮียแกจะไปกำกับหนังอวกาศคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง
Star War 7 แล้ว ถึงแม้ Star Trek จะเป็นหนังที่ไม่ได้ต่อเนื่องกันระหว่างภาค
แต่ยังที่ เจ.เจ.อับรามส์
ได้ปูไว้มันก็คือการเดินหน้าต่อไปของเหล่าลูกเรือเอนเตอร์ไพน์
ถือว่าเป็นการโยนขี้ให้กับผู้กำกับคนต่อไปอย่างรุนแรง
เพราะถ้าไม่สามารถทำได้ดีเหมือนกับคนก่อนแล้วนั้น
คงโดนเหล่าแฟนคลับหรือคนที่ชื่นชอบ 2 ภาคที่ผ่านมาด่าเอาแน่
ๆ เลย (แนะนำไปเชิญเฮีย คริสโตเฟอร์ โนแลน มาทำต่อ รับรองมีประเด็นหนัก ๆ แน่)
ปล. ขอแนะนำให้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในระบบดิจิตอล 3D เพราะหนังค่อนข้างขายฉาก 3D อยู่พอสมควรแต่ไม่ใช่3D
ไร้สาระเหมือนหนังหลาย ๆ เรื่อง และไม่รู้อันนี้เหตุผลส่วนตัว
แนะนำให้ชมในโรงภาพยนตร์ในเครือ SF เพราะมีความรู้สึกว่าระบบเสียงของ
SF จะดีกว่า Major ยังไงไม่รู้
(ดูเรื่องนี้ที่โรง 4 SF พระรามเก้า จอใหญ่เหี้ย ๆ
และระบบเสียงดีโคตร ๆ ) แต่อันนี้ก็นานาจิตตังไม่ได้มีเรื่องของการตลาดแต่อย่างใด
แต่เท่าที่ไปดูมาหลาย ๆ เรื่อง แค่รู้สึกว่าระบบเสียงของ SF จะดีกว่ามานานมากแล้วด้วย
ยิ่งหนังที่มีซาวด์หลากหลายอย่าง Star Trek แล้ว แนะนำ 3D
ในโรง SF ครับ (8/10)