วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

The Eyes Diary

มิติที่ห่างกันไม่ได้

          ถือว่าเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องนึง  ที่ผมค่อนข้างให้ความสนใจและตั้งความหวังเล็ก ๆ  ไว้  เพราะหนังไทยโดยเฉพาะหนังผีนั้นที่ผ่านมา  มีแต่หนังที่เอาแต่ขายดารา  เอาแต่ขายเอฟเฟ็ค  เอาแต่ขายความเป็นผัตุ้งแช่แกล้งคนให้สะดุ้งเฮือก  โดยขาดเนื้อเรื่องที่จับต้องได้และชวนติดตาม  โดยหนังเรื่องนี้ก็ถือว่าสอบผ่านในระดับนึงเลย

            หนังว่าด้วยเรื่องของ  “น็อต”  เด็กหนุ่มนักศึกษาที่มาหันเอาดีในงานร่วมกตัญญู  เพื่อจุดประสงค์ในการเก็บของคนตาย  เพียงเพราะหวังจะได้เห็น  “ปลา”  แฟนสาวที่เสียชีวิตอีกสักครั้ง  น็อตจึงทำทุวิถีทางโดยมี  “มดตะ”  เพื่อนของเพื่อนที่มหาลัยร่วมค้นหาความจริงในเรื่องการเห็นวิญญาณ  และมี  “จอร์น”  เพื่อนร่วมงานของน็อตที่คอยขัดขวางทุกอย่างเพื่อไม่ให้ทุกคนเห็นผี


            ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับการแสดงโดย  “มะเดี่ยว ชูเกียรติ”  ผู้กำกับมือรางวัลของไทย  เคยส้รางชื่อหนังรักมามายมายที่ทุกคนตราตรึง  อาทิ  รักแห่งสยาม, Home  โดยรอบนี้เป็นการกลับมาทำหนังผีอีกครั้ง หลังจากเคยประสบความสำเร็จมาแล้วอย่างเกมส์จิตของของคน  13 เกมส์สยอง  หรือจะเป็นหนังผีคิดไปเอง  “คน ผี ปีศาจ”  การกลับมาคราวนี้ดูเหมือนว่าผู้กำกับนั้นได้ใส่ความเป็นหนังรักเข้าไปให้เหมือนกับเราได้ดูหนังที่เคยผ่านมาทั้ง  2  แนว  มาผสมจนได้รสที่กลมกล่อมพร้อมเสิร์ฟให้ทุกคนได้เสพแบบถึงเนื้อถึงใจ

            ในด้านของการแสดงก่อนอื่นขอติง  “ปั้นจั่น”  และ  “แจ็ค”  2  นักแสดงนำฝั่งชายที่เล่นได้ค่อนข้างแข็งและดูการแสดงอารมณ์ออกทางโรคจิตมากกว่าคนที่หมดทุกข์ได้ยากเสียมากกว่า  เหมือนดั่งกับว่า  2  นี้ยังไม่ถึงขั้นที่จะแบกรับหนังไว้คนใดคนหนึ่งได้เลย  กลับกันกับ  2  นักแสดงสาวที่ต้องบอกว่าพัฒนาการดีขึ้นทั้ง  “โฟกัส”  ที่เล่นและสามารถสลัดคราบความเป็นเด็กที่เชื่อว่าทุกคนยังติดภาพ  “น้อยหน่า”  ไม่มากก็น้อย  ทำให้เรื่องนี้สามารถพูดได้ว่าตอนนี้โฟกัสได้โตเป็นสาวเรียบร้อยแล้ว  ส่วนอีกคนไม่ชื่นชมไม่ได้เลยกับ  “เมโกะ”  นักแสดงผู้ที่รางวัลสุพรรณหงษ์สาขาสมทบหญิงยอดเยี่ยมเมื่อคราก่อนจากเรื่อง  “Mary is Happy, Mary is Happy”  โดยเรื่องนี้เธอได้แสดงพลังออกมาได้แบบน่าชื่นชมทั้งการต่อบท  การเล่นซีนอารมณ์ที่กล้าบอกว่าดารารุ่นที่เข้ามาก่อนบางคนยังต้องอาย  ไม่นานเราคงจะได้เห็นเธอเล่นเป็นบทนำเสียที  แบบนี้รางวัลคงอยู่ไม่ไกลแน่นอน

            ในเรื่องของบทภาพยนตร์ถือว่าเรื่องนี้  “สอบผ่าน”  แบบฉิวเฉียด  เนื่องด้วยที่ว่าประเด็นแต่ละอย่างของหนังนั้นไม่สามารถไปได้สุดเลยแม้แต่ทางเดียว  คือเดินไปข้างหน้าแต่ดันทิ้งเปลือกกล้วยแล้วไม่ยอมหันมาเก็บเสียอย่างนั้น  เช่น  ประเด็นของจอร์นที่เห็นผีแล้วอยากห้ามไม่ให้ใครเห็น  ประเด็นของมดตะกับครอบครัวที่ยังหาความจริงไม่เจอ  ประเด็นของความรักทั้ง  2  ที่แลดูแล้วมันไม่ได้เข้ากันและคนดูก็ยังไม่เข้าใจ  ดีตรงที่ว่าผู้กำกับสามารถเขียนเรื่องราวความรักที่ไม่หนาวเลี่ยนให้เค้ากับผีได้อย่างลงตัว  ผสมกับเอฟเฟ็คความน่ากลัวของผีที่ไม่เกินจริง  ไม่ฟุ้งเฟ่อ  ไม่เลอะเทอะจนกลายเป็นตุ้งแช่หมูกระทะ  ณ  จุด ๆ นี้ผมขอชมจากใจจริง  เพราะน้อยเรื่องนักที่จะสามารถทำหนังผีที่ไม่ได้มุ่งขายความสะดุ้งเพียงอย่างเดียว  เสียตรงเนื้อหาอย่างเดียวไม่งั้นครบถ้วน

            หนังค่อนข้างให้เนื้อสาระกับเราได้พอสมควร  ทั้งเรื่องชีวิตหลังความตาย  ความห่วงหาปราถนากับการที่คนตายไปสบายแล้วจริง ๆ หรือ  โดยหนังสามารถตอบโจทย์ให้เราได้รู้ว่า  พวกเค้าเหล่านั้นหลังจากที่ตายไปก็ไม่ได้มีความน่ากลัวอะไรทั้งนั้น  เพียงแต่ว่าสิ่งที่เค้าปรากฎหรือต้องการทำให้เราเห็นนั้น  ก็เพียงแค่ว่าเค้าต้องการบอกอะไรกับเราบางอย่างเพียงเท่านั้นเอง  เพราะนั่นคือ  “ห่วง”  อันยิ่งใหญ่ของคนที่จากไปแล้ว  ถึงแม้บางคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องเล็กแต่สำหรับคนที่อยู่อีกโลกนึงอาจจะคิดเป็นเรื่องใหญ่จนไปไม่ผุดไปเกิดกลายเป็นผีเรร่อนไป  คือหนังสามารถทำเราเข้าใจผีที่ต้องการให้มนุษย์เห็นเพื่อช่วยเหลือก็เพียงแค่นั้นเอง

            7 / 10  จะกลัวผีกันทำไม ในเมื่อผีมันยังกลัวกันเองเลย



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น