วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Gone Girl

เสียทองเท่าหัว จงอย่าเสียผัวให้ใคร

          หลังจากที่ได้ดูตัวอย่างบวกกับกระแสที่ไปในทิศทางที่ดีมาก ๆ กับภาพยนตร์เรื่องใหม่ของผู้กำกับหนังแนวสืบสวนดาร์คทริลเลอร์อย่าง David Fincher แล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องไปตีตั๋วเพื่อชมภาพยนตร์เรื่องนี้

            Gone Girl  เล่นซ่อนหาย  ว่าด้วยเรื่องของ  2  ผัวเมียที่ในอดีตต่างมีความรักให้กันเป็นอย่างดี  แต่อยู่มาวันนึงความรักเหล่านั้นมันได้จางหายไป  จนเกิดเหตุการณ์การหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของผู้เป็นเมีย  เมียหายทั้งคน  คนเป็นผัวมันก็ต้องห่วงต้องหาเป็นธรรมดา  แต่ที่ไม่ธรรมดาคือเค้าผู้นี้มีส่วนในการหายตัวไปของเมียเค้าเองหรือไม่  บทสรุปจะเป็นเช่นไรไม่ขอสปอยละกัน


            ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับการแสดงโดย  David Fincher ผู้กำกับฝีมือดีคนหนึ่งในวงการฮอลลีวูด กับหนังแนวดาร์คทริลเลอร์ที่มักเจาะจงในเรื่องของจิตใจมนุษย์หลาย ๆ เรื่องอาทิ  Fight Club, Se7en, The Girl with the Dragon Tattoo  (แต่ส่วนตัวชอบเรื่อง  The Curious Case of Benjamin Butter มากกว่าถึงไม่ใช่แนวสืบสวนแต่การเล่าเรื่องดีมาก)  ซึ่งจะเห็นได้ว่าแต่ละเรื่องที่ผ่านมานั้นจะค่อนข้าง  (ไม่ค่อนหล่ะ) ออกแนวดาร์คมืด ๆ ดูแล้วต้องเครียดตามสถานะการณ์  แต่กับภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะดูเปลี่ยนแนวออกไปเล็กน้อย  เพียงแต่ยังคงความเป็นหนังสืบสวนที่เต็มเม็ดเต็มหน่วยน่าติดตามตลอดเวลา  แต่มันแค่ดูแล้วไม่ดาร์คมากเท่าที่ควรจะเป็น


            ในส่วนของนักแสดงตรงนี้ต้องขอชมคู่พระ – นางทั้ง 2 คนเลยทั้ง  Ben Affleck  ที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมตามมาตราฐานดาราที่มีชื่อเสียง  แต่ที่ขอชมเป็นพิเศษคงหนีไม่พ้น  Rosamund Pike  ซึ่งส่วนมากเธอจะรับบทหนังที่เบาสมองเสียเป็นส่วนใหญ่  แต่มาในภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นการ  “ปล่อยของ”  ขั้นสูงของการแสดงของเธอเลยก็ว่าได้  ทั้งการแสดงสีหน้า ท่าทางที่มีความเป็นโรคจิตและความเป็นกุนซือในการคุมตีมของเรื่องได้อย่างสูงส่ง  อย่างน้อยออสการ์ปีนี้ต้องมีเธอเข้าชิงสาขา “นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม”  อย่างแน่นอน  แต่ยังไม่นอนมาเพราะอาจจะมีคนที่เล่นดีกว่าเธอก็ได้  แต่เรื่องนี้ใครที่ไปชมขอให้จับตาดูเป็นพิเศษเลย

            ในส่วนของบทภาพยนตร์  ถือว่าหนังเรื่องนี้สามารถเล่าเรื่องที่นำพาเราให้เดินตามเรื่องแบบที่ทั้งคิดและชวนติดตามตลอดเวลา  คือถ้าหากพลาดแค่ฉากเดียวความสนุกอาจจะหายไปนิดนึงเลยก็ได้  แถมลูกล่อลูกชนของหนังที่ใส่เข้าไปนั้นบอกได้เลยว่าทั้งทำเราได้อึ้ง  และตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหนังเอามาก ๆ  ถึงแม้ว่าถ้าคิดถึงหนังสืบสวนสอบสวน  คำตอบของหนังก็มีแค่  2  อย่างนั่นก็คือ  “เขากระทำ” หรือ “ไม่ได้ทำ”  หรือสั้น ๆ ง่าย ๆ ก็คือ  “ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น”  แต่สิ่งที่มันให้มากกว่านั้นมันก็คืออารมณ์มูดแอนด์โทนที่ใส่เข้าไป  บวกกับการเล่าเรื่องที่น่าติดตาม  และสนุกในการคิดกับสิ่งที่เกิดในหนังได้อย่างถึงพริกถึงขิงนี่หล่ะ  จนเราอยากรู้ตอนจบของมันเลยว่า  เฮ่ยยยยย มึงบ้ากันป่าววะ  รวมถึงการใช้ซาวด์ดนตรีที่ทำให้รู้สึกลุ้นระทึกตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

            ข้อเสียของหนังนั้นเหมือนอาจจะไม่มีแต่มันก็ยังมีอยู่  โดยเฉพาะการตัดอารมณ์คนดูกลางทาง 
ที่บางครั้งในเหตุการณ์มันเหมือนจะไปได้อีก  แต่ดันตัดมาอีกเหตุการณ์แล้วให้เราร้อยเรียงเรื่องใหม่เป็นครั้งคราว  มันอาจจะเป็นเสน่ห์ของหนังสืบสวน  แต่กลับกันถ้าใครที่ไม่ตั้งใจดูหรือคิดตามไม่ทันมันก็อาจจะปวดหัวแล้วก็
ต้องมานั้งตั้งคำถามว่าเหตุใดทำไมถึงทำ

            หนังไม่ได้มุ่งเน้นแค่การสืบสวนสอบสวนชวนน่าติดตามตลอด  150  นาที  แต่หนังยังมุ่งเน้นและแฝงความเป็นสถาบันครอบครัว  และนิทานสอนชีวิตคู่ได้แบบเนื้อ ๆ เน้น ๆ  ว่าด้วยเรื่องชีวิตหลังแต่งงาน  และจุดจบของชีวิตคู่  ซึ่งถ้าเรามองตรงจุดนี้มันอาจจะเป็นแค่หนังรักน้ำเน่าทั่ว ๆ ไป  เพียงแต่มันถ่ายทอดผ่านความเป็นเรื่องราวสืบสวนคดีพลิกไปพลิกมา  แถมยังกัดจิกสังคมเมกาว่าด้วยเรื่องของ  “ดราม่า”  ที่ไม่ต่างจากคนไทยมากนักที่เสพติดและแชร์  “ข่าวเล่า”  จนลืมค้นหาความจริงว่าต้นตอมันอยู่จุดใดกันแน่  จนเป็นที่มาขอสำนวนภาษาไทยที่ว่า  “เสียทองเท่าหัว จงอย่าเสียผัวให้ใคร”  และสุดท้ายผู้ชายทั้งหลายจงจำไว้ว่า  “อย่าทำให้มนุษย์เมียโกรธ”  ไม่งั้นชีวิตอาจถึงคาดก่อนวัยอันควร...ก็...เป็น...ได้!!!


9 / 10  ถ้าลงทุนขนาดนี้กูไม่ขอมีเมียซะดีกว่า ฮ่า ๆ ๆ กลัวตัดให้เป็ดแดกมากกว่านอนซังเตเยอะเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น