วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

The Lunchbox
เมนูเปลี่ยนใจคน

          นานแล้วที่ผมไม่ได้ดูหนังอินเดีย  หรือถึงดูก็น้อยเรื่องนักที่จะเกิดความประทับใจ  เรื่องล่าสุดคงหนีไม่พ้น  Slumdog Millionaire  กับรางวัลการันตีออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเมื่อปี  2008  จนได้มาพบกับภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ครั้งแรกเมื่อได้ดูตัวอย่างหนัง  จุดที่สนใจที่สุดนั่นก็คืออาชีพส่งปิ่นโตอาหารกลางวันของคนอินเดีย  ทำให้อยากรู้จักอาชีพนี้มากขึ้นแล้วหนังจะสามารถเดินเรื่องไปในทิศทางไหน  ซึ่งเรื่องนี้ผมขอติงโรงภาพยนตร์ในบ้านเราที่หนังเรื่องนี้ฉายไม่กี่โรงเลย  แถมโรงใหญ่ก็เข้าแค่สัปดาห์เดียวแบบเต็ม ๆ ก็แค่อาทิตย์เดียว  พออาทิตย์ต่อมาก็เหลือไม่กี่รอบแถมเหลือไม่กี่โรงหาดูยากชิบหาย  ยังดีที่บ้านเรามีโรงภาพยนตร์ชื่อว่า  "House"  ซึ่งขึ้นชื่อว่ามีเฉพาะหนังอินดี้  (คนส่วนมากเรียกแบบนั้น)  แต่ผมขอบอกกับทุกคนเลยครับว่า  คุณลองไปดูซักครั้งที่โรงนี้ซักเรื่องแล้วคุณจะได้รับความประทับใจอย่างล้นหลามเลยหล่ะ  (ส่วนตัวเมื่อก่อนดูหลายเรื่องที่นั่น  ถ้าเรื่องไหนไม่เข้าโรงใหญ่หรือไม่อยู่ในกระแสมันเลยจำเป็นที่ต้องไปดู  ราคาบัตรแค่ 100 บาท  ถูกชิบหาย)

            ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าถึง อิลา (นิมรัต คาอูร์) แม่บ้านที่สามีไม่ไยดีอะไรในตัวเธอ เธอจึงพยายามทำอาหารสุดฝือมือใส่ปิ่นโตให้กับสามีไปทานมื้อเที่ยงที่ทำงานทุก ๆ วัน ทว่าเกิดความผิดพลาดของคนส่งเมื่อปิ่นโตสูตรมัดใจผัวดันไปอยู่ที่  ซาจาน เฟอร์นันเดส (อิร์ฟาน ข่าน) เสมียนหนุ่มใกล้ปลดเกษียณ จนเกิดเป็นเรื่องราวประทับใจระหว่างคน  2  คน  ที่ไม่เคยเจอกันแต่ดันเข้าใจกัน  (ถ้ามีฉากวิ่งไล่จับนี่ฮาเลยนะ)

            ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับการแสดงโดย  ริเทรช บาทรา  ซึ่งเมื่อดูจากโปรไฟล์แล้วนั้นเคยแต่ผ่านงานหนังสั้นมาทั้งนั้น โดยเรื่องนี้เป็นหนังใหญ่เรื่องแรกของเค้ากันเลยทีเดียว  ต้องบอกเลยว่าเป็นการกำกับหนังใหญ่ที่ดูดีมากและสามารถเติบโตในวงการได้อีกไกลเลยทีเดียว  เพราะเค้าไม่ได้แค่เอาใจใส่ในเรื่องของบทที่มีเฉพาะเรื่องรัก ๆ เท่านั้น  แต่เค้ายังสามารถถ่ายทอดวัฒนธรรมของอินเดียในหลาย ๆ ด้านให้เราได้เห็นจนเกิดความประทับใจในหลาย ๆ ด้านกันเลยทีเดียว

            ในเรื่องของการแสดงต้องขอชมอิร์ฟาน ข่าน  คนนี้เคยแสดงหนังที่ผ่านตามาอย่าง Life of Pi  มาแล้ว  ซึ่งสามารถคุมหนังได้เป็นอย่างดีในบทของเสมียนใกล้เกษียณ  หรือถ้าพูดหยาบ ๆ ก็คือคนแก่หัวดื้อที่ไม่ยอมให้ใครมาดัดดั่งสำนวน "ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก"  ได้เป็นอย่างดีมาก  และนิมรัต คาอูร์  ในบท "อีล่า"  ที่เล่นเป็นภรรยาผู้ซึ่งพยายามทำทุกอย่างให้สามีรักในสังคมแห่งชนชั้นวรรณะถ่ายทอดได้เป็นอย่างดี  หรือจะเป็น  ยาวาซูดดิน ซุดดิควิ  ในบทชื่ออะไรจำไม่ได้  ซึ่งถือว่าเป็นตัวขโมยซีนและขาดไม่ได้เลย  เพราะถ้าขาดตัวนี้ไปหนังจะไม่มีความสนุกหลงเหลือเลยแม้แต่น้อย  และที่ขาดไม่ได้คือเสียงพากย์คุณป้า หรือ "อันตี้"  โดย บฮาราติ อัคคา  (มาเฉพาะเสียง)  ที่ทำเอาเราอมยิ้มได้ตลอดทั้งเรื่องเมื่อมีเสียงคุณป้าคนนี้เลย

            ในส่วนของบทหนังมันอาจจะเป็นหนังรักสูตรเกือบสำเร็จที่ใส่วัฒนธรรมความเป็นอินเดียทั้งในเรื่องของมนุษย์เงินเดือน  แม่บ้านแม่เรือน  ชนชั้นแรงงาน  การเดินทางและสภาพบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี  (แต่ยังไม่เท่า Slumdog Millionaire)  แต่หนังยังใส่ใจในรายละเอียดในเรื่องเส้นเดินทางของปิ่นโตและผมของตัวเอกทั้ง  ไว้อย่างหนาแน่นจนถ้าใครไปดูแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะเอาใจช่วยทั้ง  ตัวละครให้ได้สิ่งที่ต้องการกันเลยหล่ะ  แถมยังมีบทพูดคำคมที่ซึ้งกินใจและจิกกัดประเทศตัวเองได้แบบแสบ ๆ คัน ๆ มากเลยทีเดียว

            ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไม่ได้แต่ยัดเยียดเรื่องของความรักและความตลกอย่างเดียว  แต่มันยังสอนให้เรารู้จักคำว่าอ่อน  ไม่ว่าจะเด็กหรือแก่แค่ไหน  แค่คำว่าอ่อนก็จะสามารถทำให้เราเข้าใจถึงจิตใจของคน ๆ นั้นได้เป็นอย่างดี  และสามารถปรับนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้แบบไม่เขินอาย  แถมยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมของสังคมอินเดียที่ผู้ดีไทยอาจมองว่า  "ต่ำ"  แต่ถ้าคุณได้ดูเรื่องนี้อาจจะต้องไปส่องกระจกพร้อมคำถามว่า "ใครกันแน่"  ก็เป็นได้  ถือว่าเป็นหนังต่างประเทศเรื่องนึงที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

            8.5 / 10



Ps. ชอบบทพูดอยู่ 2 ประโยคมาก ๆ (ขอสปอย)
-          Sometimes the wrong train will get you to the right station
   บางครั้งการนั่งรถไฟผิดขบวน อาจพาเราไปถึงสถานีที่ใช่ก็ได้
-          ความสามารถนั้นมันไม่สามารถนำมาใช้กับประเทศนี้ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น