วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557

Captain America : The Winter Soldier

ฮีโร่กับโล่บูมเมอร์แรง

          ถือเป็นภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ที่ทั้งโลกจับตามองกับหนังซุปเปอร์ฮีโร่จากค่าย  มาเวลสตูดิโอ  ซึ่งถือว่าเป็นฮีโร่คนที่ 3  ต่อจากมนุษย์เหล็กและไอ้ค้อนสายฟ้า  หลังจากเหตุการณ์รวมพลฮีโร่ทลายโลกภาคแรกแล้วนั้น  ก็มาถึงคิวของหัวหน้าแก็งค์มนุษย์แช่แข็งรูปงามนาม  “กัปปิตันอเมริกาโน่”  มาอวดหุ่นโชว์พลังกันเสียที

            ภาคนี้เป็นภาคที่ต่อเนื่องจาก The Avengers  ไม่ใช่จากภาคแรกของตัวกัปตันเอง  โดยจะเล่าถึงการปรับตัวของกัปตันในยุคไอโฟน  ต้องร่วมมือกับ นาตาชา โรมานอฟ หรือ แบล็ค วินโดว์  ต่อสู้กับองค์กรมืดซึ่งก็คือศัตรูที่รักตัวเดิมในยุคแรกนั่นหล่ะ  (ใครไม่เคยดูภาคแรกก็แนะนำก่อนไปดูภาคนี้ หมายถึงหนังของกัปตันนะไม่ใช่รวมพลยอดมนุษย์)  พร้อมเปิดตัวคู่หูใหม่อย่าง “ฟัลคอน”  นำทีมโดยกุนซือตาเดียว “นิค ฟิวรี่

            ภาคนี้เปลี่ยนผู้กำกับจาก Joe Jonhston  ที่ทำภาคที่แล้วได้อย่างน่าผิดหวัง  มาเป็น 2 พี่น้อง  Anthony Russo และ Joe Russo  พี่น้องที่เคยกำกับภาพยนตร์ผ่านตาอย่าง  Yoy, Me And Dupree  ซึ่งถือว่าเป็นงานใหญ่ก้าวกระโดดพอสมควรเพราะ 2  พี่น้องนี้จะทำหนังซีรี่ย์ซะเป็นส่วนใหญ่  แถมเรื่องที่กล่าวมาข้างต้นก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรเลยจริง ๆ  นั่นจึงเป็นงานที่หนักเอาการทีเดียว  พร้อมด้วยเหล่านักแสดงเซ็ตเดิมจากภาคที่แล้ว เพิ่มมาหลัก ๆ ก็เพียงแค่  Anthony Mackie  ในบทของ “ฟัลค่อน”  เท่านั้นเอง  นอกนั้นตัวอื่น ๆ ก็ให้ผ่าน ๆ ไปเหอะ

            ในส่วนของนักแสดงถือว่าทุกคนยังเล่นได้ตามบทบาทของตัวเองที่รับมอบหมายได้อย่างดีเยี่ยม  ทั้งตัวของ  Chris Evan, Samuel L. Jackson, Sebastian Stan ในบท Bucky Barnes  ส่วนของ Anthony Mackie  ในบท “ฟัลค่อน”  ถือว่าแสดงได้ดีในระดับนึงเท่านั้น  ตัวของ  Robert Redford  ในบทหัวหน้าตัวร้าย  Alexander Pierce  ก็ไม่สามารถทำให้เราจดจำซักเท่าไหร่  ส่วนที่น่าผิดหวังที่สุดในส่วนตัวหนีไม่พ้น  Scarlett Johansson  ในบท Black Window  เพราะภาคนี้เล่นได้แบบแข็งกระด้าง สีหน้าอารมณ์โทนเดียวทั้งเรื่อง  คือถ้าใครคิดไม่ออกให้คิดถึงการแสดงของ “บอม ธนิน” ในละคร “คิวบิก” ทางช่องน้อยสีนะ  แล้วจะรู้ว่าเป็นยังไง

            ในส่วนของบทภาพยนตร์ต้องบอกว่ามันคือหนังสูตรสำเร็จ  “ตำรวจจับผู้ร้าย”  ที่เราสามารถคาดเดามันได้ไม่ยากเย็นจนมันไม่มีอะไรให้เราได้ค้นหาและน่าสนใจเท่าใดนัก  โดยเฉพาะการทิ้งปมเอย หักมุมเอย  มันไม่สามารถทำให้เราสนุกได้มากเท่าที่ควร  โดยเฉพาะเรื่องที่มาของ “ฟัลค่อน”  ก็ไม่ได้บอกละเอียดเหมือนอยู่ดี ๆ ตู้มกูมีปีกเป็นผู้ช่วยไปซะอย่างงั้น  หรือจะเป็นที่มาของ  Bucky Barnes  ที่หนังก็ไม่ได้บอกว่ามาเพราะอะไร  มันจึงเป็นการทิ้งปมแล้วไม่แก้ให้สำหรับคนดูที่ไม่ใช่แฟนมาเวล (ในส่วนนี้แฟนมาเวลคงไม่ซีเรียส แต่เชื่อว่าจะไปซีเรียสเรื่องเครื่องแต่งกายมากกว่า)

            แต่ตัวหนังก็มาทำได้ดีในส่วนของแอคชั่นนั่นหล่ะ  เพราะว่าภาคนี้จัดเต็มเรื่องแอคชั่นมากกว่าภาคแรกมากนัก  เพราะหนังมันดูสเกลใหญ่  ตีกันมันขึ้น  ดูมีอะไรมากขึ้นกว่าตัวแรก  แต่ให้สอบตกเรื่องมุมกล้องที่สั่นเกินไปกับการตัดต่อที่ปวดหัวไปหน่อยแค่นั้น

            หนังยังมีการสอดแทรกเรื่องของการเมืองแอบกัด ๆ นาซีได้แบบพอแสบ ๆ คัน ๆ มีมุกตลกที่พอทำให้เราขำได้หน่อย ๆ  เป็นอีกเรื่องที่แฟนมาเวลไม่ควรพลาด แต่คนไม่ใช่แฟนมาเวลก็แนะนำให้ไปดูกัปตันภาคแรกกับอเวนเจอร์ไว้หน่อยเพื่อประกอบความเข้าใจ  ไม่งั้นคุณอาจจะงงที่มาที่ไปของตัวละครทั้ง Bucky Barnes  หรือ Dr. Arnim Zola  ก็เป็นได้...

6 / 10


ปล. หนังจบอย่างพึ่งลุก มีเครดิต 2 ตัว Mid Credit  จะเชื่อมโยงไปยัง The Avengers 2 มั้ง ส่วน End Credit จะเชื่อมโยงไปยังภาค 3 มั้ง แต่ต้องนั่งรอประมาณซัก 6 นาทีจะได้คุ้มค่าบัตรที่เสียไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น