วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

Need For Speed
ซิ่งสายฟ้า ตายห่าช่างมัน

          ถ้าจะกล่าวถึงชื่อของ  Need For Speed  เชื่อว่าเหล่าเกมส์เมอร์ทั่วโลกไม่มีใครไม่รู้จัก  เพราะมันคือเกมส์รถแข่งเกมส์หนึ่งที่โด่งดังที่สุดเกมส์หนึ่งของโลกไม่ต่างจาก  Grand Turismo  หรือ  Ridge Racer  เป็นอย่างแน่นอน  แต่สิ่งที่แตกต่างจากทั้ง  เกมส์ที่กล่าวข้างต้นนั้นก็คือ  NFS  (ขอเรียกชื่อย่อนะครับ)  เป็นเกมส์แข่งรถที่อยู่บนถนนคนเดินไม่ใช่ในสนามแข่งรถอย่างถูกต้อง  แถมยังสามารถเลือกซื้อชุดแต่งต่าง ๆ นา ๆ จนเป็นที่ถูกใจคอเกมส์เรซซิ่งกันล้นหลาม  แต่ก็อย่างที่ทราบครับว่าหนังที่ถอดมาจากเกมส์หลายต่อหลายเรื่องนั้นไม่ประสบความสำเร็จเลยซักเรื่อง  อาทิ  Resident Evil  หรือ  Siren Hill  ที่ทำให้คอเกมส์ที่ไปดูหนังร้องยี้มานักต่อนักแล้ว  แต่กลับไม่ใช่กับภาพยนตร์เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย

            ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าถึง  โทบี้ มาร์แชล (อาร์รอน พอล) เจ้าของอู่แต่งรถที่อีกบทบาทนึงของเขาคือนักซิ่งที่ใช้ท้องถนนเป็นสนามแข่งขั­น แต่ด้วยสภาพการเงินที่ไม่สู้ดีนัก เขาจึงต้องเป็นต้องร่วมงานกับ ไดโน่ บริวส์เตอร์ (โดมินิค คูเปอร์) นักแข่งรถผู้ร่ำรวยแถมยังเป็นคู่ปรับในอดีต  จนทำให้ตัวโทบี้เองถูกใส่ร้ายต้องไปนอนเล่นในคุก  โทบี้จึงได้แค่รอวันเพื่อล้างแค้นไดโน่ให้จงได้

            กำกับการแสดงโดย  สก๊อตต์ วอห์น  ที่หลาย ๆ คนยังติดใจกับผลงานเก่าของเค้าอย่าง  Act of Valor หนังที่นำหน่วยซีลมาแสดงจริงและใช้มุมมองบุคคลที่หนึ่งในการนำเสนอ  ซึ่งจุดนี้คิดว่าอาจจะเป็นแรงจูงใจให้ผู้กำกับคนนี้เลือกที่จะทำหนังอย่าง  NFS  เพราะเรื่องก่อนหน้านั้นเอาใจแฟนเกมส์แนวสงคราม  ส่วนเรื่องนี้ก็มาจับแนวเรซซิ่งดูบ้าง  ซึ่งก็สามารถทำได้ดีเลยทีเดียว

            ในเรื่องของการแสดงต้องขอชม  อาร์รอน พอล  และ  โดมินิค คูเปอร์  ในบทพระเอกและตัวร้ายที่ต่างคนต่างเล่นได้เป็นอย่างดีเยี่ยม  สามารถคุมโทนของหนังได้อย่างไรที่ติ  ถึงแม้ตัวของอารอน  พอล  อาจจะยังดูแข็งเกินไปแต่เมื่อดูสีหน้าในการแสดงนั้นก็ยังสามารถกลบเกลื่อนไปได้  แต่ที่ไม่เอ่ยชมได้เลยนั่นก็คือ  อิโมเจน พูท  ในบทสาวนายหน้าค้ารถ  "จูเลีย โบเนท"  ที่เล่นได้อย่างไร้เดียงสาแต่ไม่ไร้สมองได้เป็นอย่างดีจนคุณอาจหลงรักสาวจากลอนดอนคนนี้ก็ได้  รวมทั้ง  แฮริสัน กิลเบิร์ทสัน  ในบท  "พีท"  ที่เป็นตัวขโมยซีนจนคุณหลงรักในระยะสั้น ๆ  ถึงแม้จะมีบทน้อยไปหน่อยก็ตามแต่

            ในส่วนของบทหนังอาจจะดีเพราะว่าคนเขียนบทคือ  พี่น้อง  แกติน  ที่เคยเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง  "Real Steel"  หนังพ่อลูกมีหุ่นเป็นโซ่คล้องใจที่ซึ่งกินใจของใครหลาย ๆ คนมานักต่อนัก  ซึ่งเชื่อว่าใครหลายคนอาจจะต้องการเปรียบเทียบกับภาพยนตร์เรื่อง  "Fast & Furious"  โดยฟาสนั้นจะเน้นไปที่เรื่องของครอบครัวและความเว่อของการแข่งรถค่อนข้างมาก  (ไม่ขอเปรียบเทียบกับภาค 4, 5, 6 เพราะมันไม่ใช่หนังรถแข่งแล้ว)  แต่กับเรื่องนี้จะเน้นในเรื่องของการรักพวกพ้องที่อยู่ด้วยกันมาและเรื่องหนุ่มสาวในสถานะการณ์คับขันจนเกิดเป็นความไว้เนื้อเชื่อใจซะเป็นส่วนใหญ่

            หนังเรื่องนี้ถ้าเปรียบเทียบกับหนังดังเรื่องที่กล่าวอ้างมานั้นจุดที่ต่างและดูดีกว่าก็คือความ  "Real"  คือหนังยังอยู่ในความเป็นจริงเกี่ยวกับการแข่งรถบนท้องถนนอย่างเห็นได้ชัด  ส่วนในด้านอื่น ๆ อาทิการตัดต่อภาพขอชมว่าสามารถทำให้เราตื่นเต้นได้ตลอดเวลาที่มีฉากแข่งรถ  บวกกับการที่ไม่ใส่เพลงประกอบเข้าไปทำให้เนื้อหนังได้อรรถรสเป็นอย่างดี  และถ้าพูดถึงสิ่งที่หนังมาทำเป็นเกมส์แล้วยังเป็นข้อด้อย  แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับกลายเป็นหนังที่ไม่ได้ยืมแค่ชื่อมาอย่างเดียวเท่านั้น  แต่มันเป็นหนังที่ทำมาเพื่อคาราวะเกมส์ลยก็ว่าได้  เพราะทำหลายฉากหลายซีนที่ถอดมาจากเกมส์จนคนเล่นเกมส์อยากจะกลับไปเล่นมันอีกครั้งเลยหล่ะ

            ใครที่ชอบหนังรถแข่ง  ดูแล้วเกิดแรงบันดาลใจอยากจะซิ่งบนท้องถนน  (ไม่ควรนะ)  ถือว่าเรื่องนี้ตอบโจทย์ขาซิ่งได้อย่างชัดเจนมากเลยทีเดียว
 8 / 10 

ปล. นิยามหนังเรื่องนี้ให้เล่น ๆ

            ถ้าดูฟาสแล้วคุณอยากแต่งรถ  แต่ถ้าคุณดู  NFS  คุณจะอยากได้  Super Cer  อย่างแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น