วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

The Wind Rises

ลมพัด ความฝัน แรงต้าน ความปราถนา

            หากจะพูดถึงภาพยนตร์เอนิเมชั่นบนโลกใบนี้  หลายคนต้องนึกถึง “ก้านกล้วย”...ถุยส์...ไม่ใช่ละ  หลายคนต้องนึกถึงดิสนี่ย์ พิกซ่า หรือจะเป็นดรีมเวิร์ค  แต่ถ้าพูดถึงเอนิเมชั่นฝั่งซีกตะวันออกโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น  แทบไม่มีใครไม่รู้จักกับสตูดิโอที่มีนามว่า “จิบลิ”  ที่ก่อตั้งโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ  ผู้ที่สั่นคลอนวงการเอนิเมชั่นที่ทุกคนต้องตราตรึง  โดยถือว่าภาพยนตร์เอนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายของปู่แกแล้ว  และเป็นการทิ้งทวนที่ควรค่าแห่งการจดจำไปอีกนาน

            The Wind Rises  หรือในชื่อภาษาไทย ปีกแห่งฝัน วันแห่งรัก  เล่าถึงเรื่องราวของ จิโร โฮริโกชิ ผู้ออกแบบเครื่องบินรบ Zero Fighter ซึ่งกองทัพญี่ปุ่นใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเรื่องราวจะบอกเล่าชีวิตของ จิโร ตั้งแต่เด็กที่เริ่มสนใจในเครื่องบิน จนวัยหนุ่มที่เขาต้องการออกแบบเครื่องบินที่สวยงามให้ล่องไปบนท้องฟ้า ในสมัยที่ยังไม่มีเทคโนโลยีก้าวล้ำเหมือนส­มัยนี้  รวมถึงเรื่องราวความรักแบบหนุ่มสาวของเขากับ  นาโอโกะ ที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลก

            ภาพยนตร์เอนิเมชั่นเรื่องนี้กำกับการแสดงโดย  ฮายาโอะ มิยาซากิ  ผู้ที่มีผลงานมาแล้วมากมายไม่ว่าจะเป็น My Neighbor Totoro, Howl’s Moving Castle, Ponyo หรือจะเป็นภาพยนตร์ที่สั่นคลอนวงการเอนิเมชั่นของโลกด้วยการคว้ารางวัลออสการ์ของสาขาเอนิเมชั่นยอดเยี่ยมในปี 2002 กับเรื่อง  Spirited Away  ที่เคยชนะใจคนทั้งโลกไปครองมาแล้ว  โดยชนะทั้ง  Ice Age, Lilo & Stitch, Treasure Planet  ที่เช้าชิงในปีเดียวกัน  แต่น่าเสียดายที่  The Wind Rises  กลับแพ้เอนิเมชั่นจากฝั่งดิสนีย์อย่างเรื่อง  Frozen  ในปีล่าสุดไปเสียนี่  ไม่งั้นจะเป็นการสั่งลาของปู่แกที่ครบสมบูรณ์เลยทีเดียว


            ในเรื่องของภาพนั้นไม่ต้องพูดถึงความยอดเยี่ยมเลยว่าจะแค่ไหน  เพราะถ้าใครเป็นแฟนพันธ์แท้ของ  “จิบลิ”  หรือใครที่เป็นแฟนบอยของการ์ตูนญี่ปุ่นแล้วนั้นเมื่อแรกแค่สัมผัส  ก็ได้รู้สึกถึงความคลาสสิคที่วงการการ์ตูนเริ่มที่จะหายไปบนโลกของฟิล์มคือการวาดมือนั้นเอง  โดยค่ายแห่งนี้ยังคงความเป็นอนุรักษ์นิยมไม่เปรียบแปลงเหมือนฝั่งของต่างตะวันตก  ที่ใช้เทคนิคการวาดและถ่ายทำนั้นล้ำไปไกล  แม้กระทั้งเรื่องของซาวด์ก็ยังคงกลิ่นไอของความ “เก่า” เอาไว้อย่างไม่เสื่อมคลาย  ไม่ว่าจะเป็นซาวด์สังเคราะห์ต่าง ๆ ที่เมื่อใครได้เข้าไปชมและได้ยินซาวด์สังเคราะห์นั้น ๆ ต้องอดยิ้มและเพลิดเพลินไปเสียมิได้เลย

            ในเรื่องของบทนั้นอาจจะยังไม่มีคำว่าฉีกกรอบเสียเท่าไหร่  เพราะเหมือนกับว่าคอนเซ็ปต์ของปู่มิยาซากินั้น  ยังคงต้องการที่จะเดินเส้นเรื่องที่เกี่ยวกับ “ความฝัน” ไปทุกเรื่อง  โดยเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากผู้สร้างเครื่องบินรบ Zero Fighter  นามว่า  จิโร่ โฮริโกชิ  นั้นเอง  แต่ถึงแม้จะอ้างอิงจากเรื่องจริงแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของหนังหายไปแม้แต่น้อยเลย

            โดยหนังได้สะท้อนปมหลาย ๆ อย่างให้เราได้เห็นที่ไม่ใช่แค่เรื่องความฝันของเด็กสายตาสั้นที่อยากจะขับเครื่องบินแต่ทำได้เพียงเป็นผู้สร้างเท่านั้น  แต่ยังถ่ายทอดออกมาให้ได้เห็นถึงความเลวร้ายของสงครามโลกในสิ่งที่ตนตั้งใจ  เอาชนะ  เรียนรู้  ทุ่มเทสร้างแต่ไม่มีจุดประสงค์ร้ายแบบนั้น  หรือจะเป็นประเด็นของความเป็นสังคมนิยมของชาวญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลก  ภาพของการช่วยเหลือเกื้อกูลเมื่อครั้งเกิดภัยพิบัติ  ความน่ารักของวัฒนธรรมโบราณครั้งที่ยังล้าสมัย  และแนวคิดในการเอาชนะสิ่งที่ตนด้อยกว่าจนเป็นประเทศมหาอำนาจในเรื่องอุตสาหกรรมต่าง ๆ บนโลกใบนี้ที่ทั่วโลกยอมรับ  รวมถึงภาพของความรักหนุ่มสาวที่สามารถตราตรึงใจผู้ชมได้ทุกคนจนอดที่จะกลั้นน้ำตาไม่ไหวในความรักอันบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นได้

            The Wind Rises  อาจเป็นเอนิเมชั่นที่ดูผิวเผินแค่การ์ตูนต่อต้านและถ่ายทอดความเลวร้ายของสงคราม แต่ว่านี่คือเอนิเมชั่นยอดเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่งของโลกที่เราจะได้อารมณ์ในการดูหนัง  ทั้งเรื่องของแรงบันดาลใจ ความพยายาม ความไม่ย่อท้อ ความรัก ความไม่สิ้นหวังแบบครบรสในเวลา 126 นาทีได้เต็มอิ่ม 
จนคุณอาจต้องร้องเสียใจกับความฝันในวัยเด็ก  ที่เราไม่พยายามทำแล้วหันมาเสียดายในภายหลังก็เป็นได้




10 / 10  เมื่อลมพัดแรง เราจึงต้องต้านแรงลม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น