Kick Ass 2
สงครามมหาเกรียน
หลังจากภาคแรกค่อนข้างประสบความสำเร็จ
(หรือเปล่า) กับหนังสุดยอดการล้อซุปเปอร์ฮีโร่ในแบบฉบับความเกรียน
และความรุนแรงแบบสุดติ่ง (18+) ก็ได้เดินทางมาถึงในภาคที่ 2
ทิ้งช่วงจากภาคแรกไปถึง 3 ปี (2010) พร้อมกับนักแสดงหน้าเดิมครบทีมและดาราดังที่มาชูโรงแทน
“นิโคลัส เคส” อย่างดาราตลกซุปเปอร์สตาร์ “จิม แครี่”
โดยภาคนี้หนังเล่าถึงหลังเหตุการณ์ความวุ่นวายเมื่อภาคที่แล้ว
ทำให้ผู้คนต่างพากันสวมหน้ากากเพื่อปกป้องบ้านเมืองอันเป็นที่รัก ซึ่งนำทีมโดย ผู้พันสตาร์สแอนด์สไตรป์ (จิม แคร์รี่ย์) ผู้ก่อตั้งทีมซุปเปอร์ฮีโร่นาม “จัสติสฟอร์เอฟเวอร์” ได้รวบรวมเหล่าผู้ที่ต้องการปิดทองหลังพระหรือเป็นศาลเตี้ย ในขณะที่เดฟ
(Kick-Ass , แอรอน เทย์เลอร์ จอห์นสัน)
ที่กำลังเบื่อในชีวิตอันซ้ำซากในมหาลัย
จึงเข้าขอฝึกวิชาและก่อตั้งทีมฮีโร่กับมินดี้ (Hit
Girl , โคลอี้ เกรซ มอเร็ตซ์)
ซึ่งเธอเองก็เบื่อกับชีวิตที่ไม่ใช่ในอายุ
15 ก่อนที่จะถูกพ่อเลี้ยงจับได้ว่ายังไม่ละจากวงการ จึงต้องจำใจต้องหันหลังให้กับหน้ากาก พร้อมกับการกำเนิดใหม่ของ Red
Mist ที่เปลี่ยนชื่อมาเป็น The MatherFucker (คริสโตเฟอร์มินท์ แพลสซี) ที่หวังจะแก้แค้น Kick-Ass ที่ฆ่าพ่อของเค้า
ทำให้เหตุการณ์ความเกรียนและวุ่นวายถือกำเนิดขึ้น
Kick-Ass 2
ครั้งนี้กำกับการแสดงโดย Jeff
Wadlow
(ผลงานที่ผ่านตาคือ Never Back Down)
โดยผู้กำกับภาคก่อนอย่าง Matthew Vaughn ขึ้นแท่นเป็น Producer พร้อมกับนักแสดงวัยรุ่นทั้งทีมจากภาคที่แล้ว
ซึ่งต้องบอกว่าแต่ละคนนั้นไม่ค่อยจะมีชื่อเสียงนักถ้าพูดถึงในบ้านเรา เพราะแต่ละคนผ่านงานมายังไม่มากเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็น แอรอน เทย์เลอร์ จอห์นสัน, คริสโตเฟอร์มินท์ แพลสซี,
โคลอี้ เกรซ มอเร็ตซ์ (สาวน้อยคนนี้แต่งตัวเป็นสาวแล้วน่ารักมาก) แต่ภาคนี้ก็ยังได้ดาราชั้นนำเข้ามาชูโรงอย่าง จิม แครร์รีย์ ที่มาในบทบาทใหม่ที่ไม่ใช่ตลก ก็มอบการแสดงที่ดีให้กับเราได้พอสมควร
โดยตัวหนังในภาคนี้ถ้าเปรียบเทียบเนื้อหาภาคแรกนั้น ค่อนข้างหน้าผิดหวังอยู่นิด ๆ ในเรื่องของแอคชั่นที่โหดถึงใจ เลือดเป็นเลือดอะไรพวกนี้จะเห็นน้อยกว่าภาคแรกอยู่พอสมควร
แต่หนังกลับมาได้ดีในเรื่องของการตัดต่อที่ดูกระชับไม่ปวดหัว
พร้อมกับการใช้ซาวด์ดนตรีประกอบระหว่างฉากที่ไม่ได้เข้ากับความโหดร้าย แต่กลับได้รสชาติของความฮาเต็ม ๆ ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นแอคชั่นที่ไม่ได้ดูแล้วรู้สึกระทึกตื่นเต้น
แต่กลับหัวเราะในระหว่างที่เราดูการฆ่ากันได้อย่างถึงพริกถึงขิง ในส่วนของบทหนังนั้นค่อนข้างหลวมเอาการเลยทีเดียว แต่ก็ยังแก้ไขได้ในส่วนของการเล่าเรื่องที่กระชับไม่ซับซ้อน ไม่ต้องคิดมาก
ดูไปเรื่อย ๆ
เพื่อความบันเทิงเริงรมณ์
จนคุณอาจจะลืมความน่าเบื่อของบทหนังไปเลยก็เป็นได้ หนังเรื่องนี้ถือว่ามีจุดหนึ่งซึ่งแสบใช้ได้ คือการล้อเลียนซุปเปอร์ฮีโร่ทั้ง 2
ฝั่ง (Mavel และ DC) ได้แบบเนียน ๆ
และแสบคันเอามาก ๆ พอดู แถมหนังยังสามารถนำเอาเรื่องของโซเชียลเน็ตเวิคมาใช้ในเรื่องได้อย่างสร้างสรรดี จนทำให้เราคิดถึงตัวเราได้โดยตลอด
ถ้าเราดูหน้าหนังอาจจะคิดว่าเป็นแค่แอคชั่นมันส์
ๆ ทั่ว ๆ ไป
แต่หนังกลับแฝงเรื่องของความถูกต้องและสังคมอันไม่ยุติธรรมที่อยู่บนโลกใบนี้ได้ตรง
ๆ จนเป็นที่มาของเหล่าหน้ากากเพื่อผดุงคุณธรรมในเมื่อกฎหมายเอาผิดพวกมันไม่ได้ แต่เหล่าหน้ากากนั้นก็ลืมไปว่าบ้านเมืองนั้นกฎหมายก็ยังเป็นที่ตั้งอยู่เสมอ
แต่การจะทำความดีอะไรสักอย่างนั้นคนเราก็ไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากเสมอไป ขอแค่ทำด้วยใจยังไงสังคมก็ย่อมยอมรับ
Kick-Ass 2 ถือว่าเป็นหนังล้อเลียนซุปเปอร์ฮีโร่ในแบบฉบับความเกรียนบนโลกแห่งความจริง
ที่สะท้อนปัญหาสังคมได้อย่างชัดเจน ความยาว
103
นาที ของหนังเรื่องนี้ถือว่าไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป แต่เหมาะสำหรับคนอายุ 18+
นะครับเพราะคิดว่าก็ยังรุนแรงอยู่พอประมาณถึงแม้มันจะฮามากกว่าก็เถอะ ถึงแม้บทค่อนข้างจะห่วยแต่มันก็มอบอะไรดี ๆ เกี่ยวกับเรื่องสังคมและการทำความดีที่ไม่มุ่งเน้นได้อย่างชัดเจน
อยู่ที่ว่าใครจะสามารถเก็บเกี่ยวสิ่งที่เห็นและที่ผู้กำกับมอบมาให้กับเราก็เท่านั้นครับ
7/10
รอดูเครดิตให้จบ จะมีอะไรแถมท้าย จะบอกอะไรต่อนั้นดูเอาเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น