วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ไอฟาย แต๊งกิ๊ว เลิฟยู้

ไอฟาย เออเร่อ

          จัดเป็นหนังที่ทาง  GTH  โหมกระแสโปรโมทกันอย่างอึกกระทึกคึกโครม  โหมแบบประมาณว่าหนังเรื่องนี้มันต้องเจ๋งที่สุดเท่าที่  GTH  สร้างมาเลยก็ว่าได้  บวกกับการขายชื่อผู้กำกับ และนางเอกร้อยล้านเข้าไปด้วยแล้วนั้น  บรรดาติ่ง  GHT  คงต้องยอมเสียเงินเสียเวลาต่อแถวกันยาวเหยียดเพื่อไปชมในโรงให้ได้  ซึ่งโดยส่วนตัวหลังจากได้ดูตัวอย่างแรกพูดได้คำเดียวว่า  เฮ่ย...นี่มันตลาดล่างเสียดสีชัด ๆ

            หนังเล่าเรื่องถึง  “เพลง” (ไอซ์ ปรีชยา พงษ์ธนานิกร)  ติวเตอร์ภาษาอังกฤษแสนสวยที่ดันไปรับปากกับลูกศิษย์ญี่ปุ่นอย่าง  “คายะ” (โซระ อ้อย)  ให้ไปบอกเลิกแฟนหนุ่มช่างซ่อมบำรุงอย่าง  “ยิม” (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์)  เพราะเจ้าตัวดันได้ไปทำงานที่อเมริกา บวกกับความไม่เข้าใจด้านการสื่อสารนอกจากเซ็กซ์  เพลงจะทำอย่างไรกับงานครั้งนี้ที่ดันทำให้ยิมโกรธจนต้องสอนภาษาอังกฤษเพื่อให้ยิมสามารถคุยและตามไปหาคายะให้จงได้


            ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย  “เมษ ธนาธร”  ผู้กำกับที่เคยฝากผลงานสร้างชื่อจากหนังตลกโปกเสียดสีกลุ่มคน  “ชายขอบ”  อย่าง  ATM เออรัก เออเร่อ  กลับมาครั้งนี้ก็ยังคงดำเนินไปในทิศทางเหมือนเดิม  เพียงแต่แค่เปลี่ยนพล็อตเรื่องหยิบประเด็นด้านภาษามาเป็นสื่อในหนังเรื่องนี้  ซึ่งอาจจะถือว่าเป็นประเด็นที่ผู้กำกับนั้นมาได้ถูกทางแถมยังเกือบจะมีประโยช์แล้ว  ถ้าหากเราไม่มองลึกลงไปว่า  มันไม่ต่างกับการเสียดสีสังคมคน  “โรงงาน”  เสียเท่าไหร่ว่าเป็นคนที่ไม่รู้ภาษาหรือการศึกษาน้อย  แต่ถ้าเน้นฮาไม่ซีเรียสก็คงถัว ๆ ไปกันต่อได้

            ในด้านการแสดงถือว่าตัวละครเอกทั้ง  2  สอบผ่านและสามารถเอาหนังให้อยู่หมัดทั้งเรื่อง  โดยเฉพาะครึ่งหลังของเรื่องที่ทั้ง  2  มีเคมีที่เข้ากันเป็นอย่างมากโดยที่ไม่ต้องพึ่งพานักแสดงคนอื่นเลยก็ว่าได้  แต่ในทางกลับกันนักแสดงตัวอื่น ๆ  ที่มีการโปรโมทออกมาทุกตัวที่เหลือนั้นผมให้  “สอบตก”  โดยสิ้นเชิง ขอไล่ทีละคน อาทิ โซระ อาโออิ  ที่เหมือนจะเอามาเพื่อสร้างสีสัน  แต่มันดันทำให้เห็นการตีค่าของผู้กำกับว่าสาวญี่ปุ่นก็ไม่ต่างอะไรจากดารา  AV  เอาเสียเลย, ตู่ ภพธร  หมดความหล่อไปโดยปริยายจากบทที่ไม่ส่งให้เค้าดูเลอค่ามากเท่าที่ควร,  โจ๊กโซคูล & เดอะแก๊งค์โรงงาน  โดยคนแรกถือว่าเอามาขายแค่หน้าฮา ๆ แต่การแสดงกลับไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน, น้องนิว กุลญาดา  เด็กสร้างชื่อจาก ATM 2  มารับบทแอ๊ว  ที่ถูกโหมกระแสให้แจ้งเกิด  แต่เอาเข้าจริงบทกลับไม่มีอะไรเหมือนดั่งเอาตัวละคร “ไบรส์”  จาก ATM 2 มาฉายซ้ำยังไงอย่างงั้น 
สุดท้ายตุ๊ยตุ่ย  ที่ไม่ต้องมีหนังก็คงไม่ล่มสลายเอาก็ได้  (ที่กล่าวมาทั้งหมดเพราะดันโปรโมทไว้สูง แต่เข้าไปดูดันไม่ได้รับผลตอบแทนเท่าที่ควร)

            เรื่องของบทภาพยนตร์บอกได้คำเดียวว่า  “แข็ง”  จนนำมาซึ่งจุดอ่อนของภาพยนตร์ตั้งแต่ต้นจนจบ  เราจะเห็นได้ชัดเจนว่าหนังแบ่งเป็น  2 Past คือครึ่งเรื่องแรกและหลัง  โดยครึ่งแรกนั้นเน้นไปที่ความฮาที่ไร้สาระ  ไม่ว่าจะเป็นตลกหมูกระทะ  คำพูดหยาบคาย  มุขเจ็บตัว  และ Dirty Joke  เกลื่อนไปหมดแบบไร้ทิศทาง  พร้อมทั้งการใส่ซาวด์ที่ไม่ต่างจากหนังผีตุ้งแช่  จนกลายเป็นหนังตลก 3 ช่าซะอย่างนั้น  ส่วนครึ่งหลังถือเป็นการปล่อยของชั้นดีของ  2  ตัวละครหลักที่โชว์ให้เห็นเคมีการแสดงอย่างเดียว  แต่บทหนังมันดันไม่นำพาเราไปให้ถึงจุดสุดยอดตรงนั้นนี่สิ  อีกหนึ่งจุดที่เห็นก็คือความย้อนแย้งในตัวนางเอกเองด้วยเพราะหนังถูกปูให้เห็นค่าของสิ่งของ  แต่จบกลับกลายเป็นอีกแบบ

            แต่หนังก็ไม่ได้มีแต่ข้อเสียที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด  แต่หนังยังแทรก  Symbolic  ไว้ให้เราได้เห็นจนมีความหมายที่ดีอยู่หลาย ๆ  ซีน โดยเฉพาะซีนที่เพลงจะถูกแอบถ่ายกางเกงใน  มันเป็นซีนที่ผมดูแล้วว่ามันน่ารักที่สุดเลยก็ว่าได้  (ไปสังเกตุเอา)  ก่อนจะเข้ามุขสกปรกจนต้องร้องยี้  นอกนั้นไม่ผ่านเลยหว่ะ

            หนังค่อนข้างดูถูกและเสียดสีจนเกินงามในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องกลุ่มคนโรงงานไม่รู้แม้แต่  A – Z  คนงานต้องดูถ่อยเถื่อน  ผู้หญิงญี่ปุ่นต้องเหมือนดารา  AV  คุณหญิงคุณนายต้องทรงผมสมัย 100 ปีตีโป่ง  ชายในฝันต้องรูปงามดีเกินไป  แต่สุดท้ายหนังก็ยังพามาจุดพีคของการสอนหญิงเลือกคู่มาได้ว่า  เราจะเลือกคนที่สามารถบันดาลทุกอย่างมาให้  หรือต้องการพวกแค่คนที่ซ่อมแซมสิ่งที่เสียหายให้กลับมาใช้ได้  มันจึงอาจเป็นจุดซึ้งของหนังเรื่องนี้ที่สุดก็เป็นไปได้มั้ง 


            5 / 10  ถ้าไม่มีคาแรคเตอร์ของซันนี่ ความน่ารักของไอซ์ หนังก็คงไม่มีอะไรที่น่าสนใจเลย