Guardians of the Galaxy
รวมพลเกรียนกู้จักรวาล
ภาพยนตร์จากค่าย
Marvel Comic ทุกเรื่องนั้นเปิดตัวมามีทั้งประทับใจบ้างไม่ประทับใจบ้าง ส่วนหนึ่งอาจเป็นที่ตัวการ์ตูนนั้น
ๆ มีความนิยมไม่เหมือนกัน
บางเรื่องกลับมาทำใหม่อาจจะดีกว่าของเก่า
หรือบางเรื่องของเก่าอาจเป็นความทรงจำที่ดีกว่าของใหม่ก็เป็นได้ และที่สำคัญเลยคือความกล้าที่จะนำเสนอตัวการ์ตูนที่ได้รับความนิยมค่อนข้างน้อยมาสร้างเป็นหนังใหญ่เพื่อนำมาเชื่อมโยงกันกับเรื่องอื่นนี่สิ คือสิ่งที่ท้าทายมากสำหรับภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่ตัวใหม่ของ Marvel Comic
ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าถึง
ปีเตอร์ ควิน หรือสมญานาม “สตาร์ลอร์ด”
ดันไปขโมยออร์ปสมบัติชิ้นล้ำค่าของวายร้ายผู้หมายจะล้างจักรวาลอย่างโนแรน จนอีรุงตุงนังกับการหนีอลเวงจนได้พบมิตรแท้ในคราบโจรที่คุกอันได้แก่ ร็อกเก๊ต แร็กคูณหมีแมว, กรู๊ท
มนุษย์ต้นไม้ที่พูดได้แค่ I Am Groot (แต่ตอนท้ายมีเพิ่มอีกคำ), กาโมร่า
สาวตัวเขียวนักล่าผู้หักหลักโนแรน และแดรกซ์ ผู้กระหายที่จะแก้แค้นโนแรน ทั้ง 5
คนต้องร่วมมือกันโดยมีวัตถุประสงค์ที่ต่างกันแต่ความหมายเดียวกันจนความฮาบังเกิดในจักรวาล
ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับการแสดงโดย เจมส์ กันน์ ที่เคยทำผลงานในหนังจอเงินฟอร์มเล็กอย่าง Slither และ Super นอกนั้นก็จะเป็นพวกหนังซีรี่ย์ทั่ว
ๆ ไป
ถือว่าการมากำกับหนังฟอร์มยักษ์ครั้งนี้เป็นอะไรที่ท้าทายสุด ๆ
แล้วยิ่งต้องกำกับการ์ตูนที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมหรือคนที่ไม่ได้ติดตามก็ไม่รู้จักยิ่งเป็นอะไรที่ยากเข้าไปใหญ่
แต่สุดท้ายมันกลับกลายเป็นว่าผู้กำกับสามารถวางโครงเรื่องและผสมผสานแอคชั่นได้อย่างถูกจุดจนเหนือความคาดหมายเลยหล่ะ
ในด้านของนักแสดงนั้น การที่มีตัวละครมาก ๆ
มันจึงยิ่งยากที่จะแชร์ให้มันเท่ากันหรือตามความเหมาะสม แต่ผู้กำกับก็สามารถแชร์บทและให้ความสำคัญของแต่ละตัวละครได้ดีจนเราไม่รู้สึกเทใจไปที่คนใดคนหนึ่งเหมือนกับ The Avengers ที่ถึงแชร์บทได้ดีแต่กลับรู้สึกว่ามันแข่งกันเด่นเสียมากกว่า
(ก็มันรวมกันเฉพาะกิจนี่)
ส่วนของนักแสดงอย่าง คริส แพตท์ ในบท “ปีเตอร์
ควิน” ก็เล่นได้อย่างมาดกวนชวนขำตลอดเวลาจนลืมไปว่านี่คือหัวหน้าแก๊งค์ โซอี้
ซัลดาน่า ในบท “กาโมร่า”
ก็เล่นได้อย่างไม่ติดขัดตามคุณภาพ
และเดฟ บัลลิสต้า ในบท “แดรกซ์” ก็สามารถเล่นบทของตัวเองได้อย่างดี แต่ที่ต้องขอเอ่ยปากชมก็คือตัวของ “ร็อกเก็ต” ที่ให้เสียงโดย แบรดลี่ย์ คูเปอร์ ก็สามารถพากย์เสียงได้เข้าถึงอารมณ์ของตัวร็อกเก็ตได้เป็นอย่างดีพร้อมกับการแย่งซีนครั้งสำคัญของเรื่อง รวมถึงเสียงของ วิน ดีเซล ในบท “กรู๊ท” ที่พูดน้อยแต่ความฮาเหลือล้ำเกินคำบรรยาย
ในเรื่องของบทหนังถือจัดว่าไม่มีอะไรเด่นมากนัก
เพราะบทถือว่าปูมาแบบเรียบง่ายไม่ได้เจาะลึกตื้นหนาบางของตัวละครว่าใครเป็นใครเกินความจำเป็น
จนมันทำให้รู้สึกเหมือนยัดเยียดให้มารวมตัวกันเสียมากกว่าที่จะรักกันจริง ๆ พร้อมกับมุขตลกกวน ๆ ที่หนังค่ายนี้ชอบใส่มา แต่เรื่องนี้ถือว่ามุขตลกมาเต็มที่สุดจนถึงเรียกว่ามาแบบไม่มีกาลเทศะกันเลยทีเดียว
จนมันกลายเป็นหนังที่เบาสมองมากกว่าเป็นหนังแอคชั่นสูตรสำเร็จ ถึงแม้ว่าบทสรุปมันก็ไม่หนีไปไหนก็ตามแต่
แต่เรื่องที่ขอชมมากที่สุดคือความฉลาดในลูกเล่น
3D
ที่ใส่มาในหนังนั้นถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์ของ Marvel Comic ที่ใช้คุณภาพในงาน
3D ได้ดีที่สุดทั้งความสวยงาม การเล่นกับคนดู และ CG
ที่ดูเนียนตาเพลิดเพลินไปกับการต่อสู้บนอวกาศในความยาว 2
ชั่วโมงกับ 1 นาทีที่แลดูเหมือนแปปเดียว จนเราอาจลืมบทหนังที่ค่อนข้างหลวมเลยก็เป็นได้
ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะไม่ได้ให้สาระอะไรเท่าไหร่
แต่จุดที่จับได้ก็คงมีแค่การได้ดูเหล่าคนที่มีปูมหลังที่เจ็บปวดมารวมตัวกันเพื่อลบล้างหรือลืมมันแต่ก็ไม่ได้มีอะไรมาก แต่สิ่งที่มีค่ามากกว่าสิ่งใดก็คือ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ฮีโร่ที่กลายเป็นแก๊งค์ฮีรั่วสุดเกรียน และเป็นภาพยนตร์เปิดตัวที่ดีที่สุดของเหล่าฮีโร่ต่าง
ๆ นา ๆ ที่มีของค่ายนี้เลยก็ว่าได้
8 / 10
ปล.
หลัง End
Credit มีให้ดูขำ ๆ
ด้วย แต่ถ้าแนะนำไม่ต้องรอดูหรอกเสียเวลาเพราะไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องต่อ ๆ ไปเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น