วันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ฝากไว้...ในกายเธอ

ฝากอะไรไว้ให้ดู

          ถือว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานชิ้นที่  2  ของปีนี้ของค่ายหนังอารมณ์ดีอย่าง  GTH  หนังจากเมื่อช่วงต้นปีส่งหนังรักสอนใจครูอย่าง  "คิดถึงวิทยา"  มาสู่หนังผีกับ  "ฝากไว้...ในกายเธอ"  ที่รอบนี้ขนนักแสดงรุ่นใหม่จากแก๊งค์  "Hormones"  มาสร้างความสยองให้แก่แฟนหนังทั่วประเทศ

            ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าถึงเรื่องราวของเพื่อนรักที่เป็นทั้งคู่ต่อสู้ทางกีฬาอย่าง  "เพิร์ท" (มาร์ช จุฑาวุฒิ)  และ  "แทน" (ต่อ ธนภพ)  ที่มีแฟนสาวสวยสุดน่ารักอย่าง  "ไอซ์" (เก้า สุภัสสรา)  จนเพิร์ททนไม่ไหวที่จะต้องขอฟาด (ซักครั้งจะตั้งใจเรียน)  แฟนเพื่อนซักรอบจนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจนไปถึงการตายอย่างปริศนาของไอซ์  จนแทนผู้เป็นแฟนที่ไม่เคยฟาดซักครั้งต้องหาคำตอบการตายและล้างแค้นให้จงได้ (ถ้ามันได้เอากูว่ามันไม่ตามล่าหรอก)

            ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับการแสดงโดย  "โสภณ ศักดาพิศิษฏ์"  ผู้ที่เคยฝากผลงานหนังผีมาแล้ว  เรื่องอย่างแผ่นผีซีดีเถื่อน  "โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต"  และหนังผีรักพ่อ  "ลัดดาแลนด์"  ซึ่งมาถึงผลงานชิ้นที่  ที่ยังคงทำแนวถนัดคือ  "สยองขวัญ"  แต่มันยังคงซ้ำซากจำเจไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย  แต่เพิ่มเทคนิคการถ่ายทำใต้น้ำที่เมืองไทยยังไม่ได้เห็นมากนักจนอาจจะดูได้เพลินตาและกดดันอยู่พอสมควร

            ในด้านของนักแสดงขอบอกเลยว่า  "สอบตก"  แทบยกเซ็ต  คือ  ถ้านักแสดงที่ว่าไม่มีเครดิตต่อท้ายชื่อว่า  "Hormones"  นักแสดงเหล่านี้จะไม่มีเครื่องหมายการค้าอะไรมาการันตีเลย  โดยเฉพาะตัวของ  "มาร์ช จุฑาวุฒิ"  ที่เล่นเป็นบทนำที่ไม่สามารถแบกรับหนังทั้งเรื่องได้เลยทั้งการแสดงสีหน้า  ความตื่นตระหนกในสถานะการณ์คับขัด  หรือหน้าตอนเจ้าเล่ท์เป็นตังโกงก็ไม่มีออกมาเลย  คือมาร์ชไม่สามารถสลัดคราบของ  "ภู ฮอร์โมนส์"  ได้เลยแม้แต่นิดเดียวจนมานึกเล่น ๆ  ว่าบทนี้ถ้าเปลี่ยนเป็น  "พีช พชร"  มันจะทำให้ตัวละครนี้มีมิติและสีสันมากขึ้นเกินเท่าตัวเลยหล่ะ  ในส่วนของ  "ต่อ ธนภพ"  ถือว่าผ่านแบบฉิวเฉียดแต่ก็ไม่หลุดคราบของ  "ไผ่ ฮอร์โมนส์"  อาจเพราะได้บทดูเป็นนักเลงนิด ๆ ก็ได้  ส่วนของ  "เก้า สุภัสสรา"  ที่ถ้าไม่มีความน่ารักอยู่ในตัว  น้องเค้าก็ไม่มีอะไรที่เป็นพิเศษอยู่เลย  (แนะนำให้ไปเสริมอิ๋มแล้วจะเซ็กซี่มากกว่าเดิม)  แต่ที่ขอชมเลยคือตัวของ  "วิโอเลต วอร์เทีย"  สาวน้อยจากเวที  The Voice Thailand Season 2 และผู้ที่ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เล่นได้ดีเกินคาดเมื่อเปรียบเทียบสกิลการแสดงของคนอื่น

            สิ่งที่ขอชมภาพยนตร์เรื่องนี้เลยก็คือเรื่องของเทคนิคการถ่ายทำ  โดยเฉพาะการถ่ายทำใต้น้ำที่ต้องใช้ทั้งความอดทนของทีมงานและนักแสดงเป็นอย่างมากที่กว่าจะได้ภาพที่สวยงาม  และการใช้ภาพและเสียงเพลงที่ทำให้รู้สึกกดดันกับสถานะการณ์ที่ทำให้คนดูรู้สึกอึดอัดได้  โดยลดการใช้เอฟเฟคผีหน้าเละจนทำให้หนังเหมือนจะข้ามขั้นของการเป็นหนังผี  "ตุ้งแช่"  แต่สุดท้ายมันก็ไม่สามารถหนีพ้นสิ่งเหล่านั้นไปได้เลย

            ในเรื่องของบทภาพยนตร์ต้องบอกเลยว่าเป็นอะไรที่  "สอบตก"  ขั้นรุนแรง  เพราะหนังไม่สามารถไปให้ถึงจุดใดจุดหนึ่งได้สุดเลย  ทั้งเรื่องของความรักระหว่าง  "เพิร์ท"  กับ  "ไอซ์"  เรื่องของแม่ไอซ์  เรื่องของแม่เพิร์ทกับโค้ชตัวเอง  หรือแม้แต่เรื่องของการตามล้างแค้นของ  "แทน"  ก็ไม่สามารถทำได้สุดซักทางพร้อมกับทิ้งปมไว้เรี่ยราดแล้วไม่มาเก็บอะไรหรือคลายความสงสัยในบางจุดได้เลย  เหมือนเป็นการทำแบบ  "เอาไปที"  หรือคล้าย ๆ เป็นเพียงแค่  "หนังสั้น"  ที่อยากขยายภาพความสวยงามของใต้น้ำและขายหน้านักแสดงที่มีชื่อจากซีรีย์เรื่องดังเพียงแค่เท่านั้นเอง

            หนังแทบจะไม่ให้อะไรกับคนดูเลยเพราะมันไม่สุดซักทาง  ทั้งเรื่องของเซ็ก ท้องในวัยที่ไม่พร้อม  หรือจะเป็นเรื่องของความดีความชั่วหนังก็ไม่สามารถเดินทางไปให้สุดจนน่าหงุดหงิด  เหมือนดั่งเรากินข้าวกำลังจะอิ่มแล้วถูกโทรตามให้ไปแก้งานลำคัญยังไงยังงั้นเลย  มีดีแค่ขายภาพและชื่อเสียงของนักแสดงที่ยังไม่พร้อมกับหนังใหญ่แค่นั้นเอง




            4 / 10  ให้คะแนนพิศวาสต่อน้องเก้าและน้องวี

วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Guardians of the Galaxy

รวมพลเกรียนกู้จักรวาล

          ภาพยนตร์จากค่าย  Marvel Comic ทุกเรื่องนั้นเปิดตัวมามีทั้งประทับใจบ้างไม่ประทับใจบ้าง  ส่วนหนึ่งอาจเป็นที่ตัวการ์ตูนนั้น ๆ มีความนิยมไม่เหมือนกัน  บางเรื่องกลับมาทำใหม่อาจจะดีกว่าของเก่า  หรือบางเรื่องของเก่าอาจเป็นความทรงจำที่ดีกว่าของใหม่ก็เป็นได้  และที่สำคัญเลยคือความกล้าที่จะนำเสนอตัวการ์ตูนที่ได้รับความนิยมค่อนข้างน้อยมาสร้างเป็นหนังใหญ่เพื่อนำมาเชื่อมโยงกันกับเรื่องอื่นนี่สิ  คือสิ่งที่ท้าทายมากสำหรับภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่ตัวใหม่ของ  Marvel Comic



            ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าถึง ปีเตอร์ ควิน หรือสมญานาม “สตาร์ลอร์ด” ดันไปขโมยออร์ปสมบัติชิ้นล้ำค่าของวายร้ายผู้หมายจะล้างจักรวาลอย่างโนแรน  จนอีรุงตุงนังกับการหนีอลเวงจนได้พบมิตรแท้ในคราบโจรที่คุกอันได้แก่  ร็อกเก๊ต แร็กคูณหมีแมว, กรู๊ท มนุษย์ต้นไม้ที่พูดได้แค่ I Am Groot (แต่ตอนท้ายมีเพิ่มอีกคำ), กาโมร่า สาวตัวเขียวนักล่าผู้หักหลักโนแรน และแดรกซ์ ผู้กระหายที่จะแก้แค้นโนแรน  ทั้ง 5 คนต้องร่วมมือกันโดยมีวัตถุประสงค์ที่ต่างกันแต่ความหมายเดียวกันจนความฮาบังเกิดในจักรวาล

            ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับการแสดงโดย  เจมส์ กันน์  ที่เคยทำผลงานในหนังจอเงินฟอร์มเล็กอย่าง  Slither และ Super  นอกนั้นก็จะเป็นพวกหนังซีรี่ย์ทั่ว ๆ ไป  ถือว่าการมากำกับหนังฟอร์มยักษ์ครั้งนี้เป็นอะไรที่ท้าทายสุด ๆ แล้วยิ่งต้องกำกับการ์ตูนที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมหรือคนที่ไม่ได้ติดตามก็ไม่รู้จักยิ่งเป็นอะไรที่ยากเข้าไปใหญ่  แต่สุดท้ายมันกลับกลายเป็นว่าผู้กำกับสามารถวางโครงเรื่องและผสมผสานแอคชั่นได้อย่างถูกจุดจนเหนือความคาดหมายเลยหล่ะ

            ในด้านของนักแสดงนั้น  การที่มีตัวละครมาก ๆ มันจึงยิ่งยากที่จะแชร์ให้มันเท่ากันหรือตามความเหมาะสม  แต่ผู้กำกับก็สามารถแชร์บทและให้ความสำคัญของแต่ละตัวละครได้ดีจนเราไม่รู้สึกเทใจไปที่คนใดคนหนึ่งเหมือนกับ  The Avengers  ที่ถึงแชร์บทได้ดีแต่กลับรู้สึกว่ามันแข่งกันเด่นเสียมากกว่า (ก็มันรวมกันเฉพาะกิจนี่)  ส่วนของนักแสดงอย่าง คริส แพตท์ ในบท “ปีเตอร์ ควิน” ก็เล่นได้อย่างมาดกวนชวนขำตลอดเวลาจนลืมไปว่านี่คือหัวหน้าแก๊งค์ โซอี้ ซัลดาน่า ในบท “กาโมร่า”  ก็เล่นได้อย่างไม่ติดขัดตามคุณภาพ  และเดฟ บัลลิสต้า  ในบท “แดรกซ์”  ก็สามารถเล่นบทของตัวเองได้อย่างดี  แต่ที่ต้องขอเอ่ยปากชมก็คือตัวของ  “ร็อกเก็ต”  ที่ให้เสียงโดย แบรดลี่ย์ คูเปอร์  ก็สามารถพากย์เสียงได้เข้าถึงอารมณ์ของตัวร็อกเก็ตได้เป็นอย่างดีพร้อมกับการแย่งซีนครั้งสำคัญของเรื่อง  รวมถึงเสียงของ วิน ดีเซล  ในบท “กรู๊ท”  ที่พูดน้อยแต่ความฮาเหลือล้ำเกินคำบรรยาย

            ในเรื่องของบทหนังถือจัดว่าไม่มีอะไรเด่นมากนัก  เพราะบทถือว่าปูมาแบบเรียบง่ายไม่ได้เจาะลึกตื้นหนาบางของตัวละครว่าใครเป็นใครเกินความจำเป็น จนมันทำให้รู้สึกเหมือนยัดเยียดให้มารวมตัวกันเสียมากกว่าที่จะรักกันจริง ๆ  พร้อมกับมุขตลกกวน ๆ ที่หนังค่ายนี้ชอบใส่มา  แต่เรื่องนี้ถือว่ามุขตลกมาเต็มที่สุดจนถึงเรียกว่ามาแบบไม่มีกาลเทศะกันเลยทีเดียว จนมันกลายเป็นหนังที่เบาสมองมากกว่าเป็นหนังแอคชั่นสูตรสำเร็จ  ถึงแม้ว่าบทสรุปมันก็ไม่หนีไปไหนก็ตามแต่

            แต่เรื่องที่ขอชมมากที่สุดคือความฉลาดในลูกเล่น 3D  ที่ใส่มาในหนังนั้นถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์ของ  Marvel Comic  ที่ใช้คุณภาพในงาน 3D  ได้ดีที่สุดทั้งความสวยงาม  การเล่นกับคนดู  และ CG  ที่ดูเนียนตาเพลิดเพลินไปกับการต่อสู้บนอวกาศในความยาว 2 ชั่วโมงกับ 1 นาทีที่แลดูเหมือนแปปเดียว  จนเราอาจลืมบทหนังที่ค่อนข้างหลวมเลยก็เป็นได้

            ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะไม่ได้ให้สาระอะไรเท่าไหร่  แต่จุดที่จับได้ก็คงมีแค่การได้ดูเหล่าคนที่มีปูมหลังที่เจ็บปวดมารวมตัวกันเพื่อลบล้างหรือลืมมันแต่ก็ไม่ได้มีอะไรมาก  แต่สิ่งที่มีค่ามากกว่าสิ่งใดก็คือ  ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ฮีโร่ที่กลายเป็นแก๊งค์ฮีรั่วสุดเกรียน  และเป็นภาพยนตร์เปิดตัวที่ดีที่สุดของเหล่าฮีโร่ต่าง ๆ นา ๆ ที่มีของค่ายนี้เลยก็ว่าได้

            8 / 10




ปล. หลัง End Credit  มีให้ดูขำ ๆ ด้วย แต่ถ้าแนะนำไม่ต้องรอดูหรอกเสียเวลาเพราะไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องต่อ ๆ ไปเลย