Pacific Rim
มหาสงครามจักรกลของคนยุคเก่า

เมื่อกองทัพสัตว์ประหลาดที่โหดร้ายในนามของ
ไคจู อุบัติขึ้นมาจากทะเล
จึงเกิดสงครามที่คร่าชีวิตคนนับล้านและทำลายทรัพยากรของมนุษย์มานานหลายปี
ในการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวยักษ์ ไคจู
ทำให้ต้องมีการประดิษฐ์คิดค้นอาวุธพิเศษขึ้นมา หุ่นยนต์ยักษ์ที่เรียกว่า เจเกอร์ส
ซึ่งต้องควบคุมพร้อมกันโดยผู้ควบคุม 2 คน
จิตของพวกเขาจะถูกเชื่อมต่อกับสะพานกระแสจิต
แต่ถึงแม้เจเกอร์สจะพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่สามารถปกป้องผู้คนให้พ้นจากไคจูจอมอึดได้
บนเส้นทางแห่งความพ่ายแพ้ กองกำลังแห่งมนุษยชาติไม่มีทางเลือก
ต้องหวนไปหากลุ่มฮีโร่ที่ไม่น่าเชื่อ ทั้ง 2 คนอย่างอดีตนักบินตกอับ
(Charlie Hunnam)
และผู้ฝึกหัดที่ยังไม่ผ่านการทดสอบ (Rinko
Kikuchi)
ผู้ต้องมาร่วมทีมกันสร้างตำนานเจเกอร์สที่ตกยุคจากอดีต
และพวกเขายังยืนหยัดอยู่เป็นความหวังสุดท้ายของเหล่ามวลมนุษย์ที่ต้องต่อสู้กับหายนะล้างโลกที่กำลังทวีคูณ
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการกลับมาอีกครั้งของผู้กำกับเลือดแม็กซิกันอย่าง
Guillermo del Toro
ผู้ที่เคยฝากผลงานฮีโร่สุดประหลาดอย่าง Hell Boy
ทั้ง 2 ภาค หรือจะเป็นหนังรางวัล
(รึเปล่า) อย่าง Pan’s Labyrinth ซึ่งผลงานสร้างชื่อที่ผ่านมาต้องบอกว่าแต่ละเรื่องนั้นเป็นที่รู้จักในวงกว้างอยู่แล้ว โดยรอบนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่แปลกเหมือนกัน
(หรือเปล่า)
ที่เค้าเลือกใช้นักแสดงที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในส่วนของ TV Series ซะเป็นส่วนใหญ่
ในส่วนของการแสดงต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมในเรื่องของการแชร์บท
เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้เราจะไม่เห็นว่าใครเด่นกว่าใครเลยแม้แต่น้อย
อย่างเช่น Charlie
Hunnam กับบท Releigt Becket หรือจะเป็น Rinko Kikuchi
นักแสดงสาวชาวญี่ปุ่นในบทของ Mako
Mori Idris Elba กับบทผู้การ
Stacker Pentecost หรือจะเป็นคนอื่น
ๆ
ล้วนแล้วแต่เล่นในบทบาทของตัวเองได้เป็นอย่างดีโดยที่ไม่มีใครเด่นกว่าใครเลย เคมีนักแสดงก็ดูตรงกันมาก ๆ และจะมีตัวแย่งซีนบวกความรำคาญของ 2
ตัวนักแสดงในบทนักวิทยาศาสตร์ขององค์กรอย่าง
Charlie Day ในบท Dr.Newton
และ Brun Gorman ในบทของ Gottlieb ก็ถือว่าเป็น 2
ตัวแย่งซีนประจำหนังกันเลยทีเดียว (แต่บางครั้งก็แอบรำคาญอยู่นะ)
ในด้านของบทหนังนั้นต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่มั่วและไม่มีสาระอะไรในตัวหนังเลยแม้แต่น้อย
ทิ้งปมนั้นปมนี้เต็มไปหมดโดยที่ไม่มีการแก้หรือบอกให้กับเราได้รู้ ถึงบอกก็ดูว่ามันเป็นอะไรที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหนังเลยแม้แต่น้อย เพราะถ้าจากตั้งแต่ดูตัวอย่างและความตั้งใจของผู้กำกับแล้ว เหมือนจะว่าไม่ได้ให้ความสำคัญใด ๆ กับบทหนังแม้แต่น้อย แต่เค้ากลับไปแน่นในเรื่องของการตีความหมายของหนังแนวสัตว์ประหลาดบุกโลก แนวพังทลายล้าง คือพูดง่าย ๆ
เอาความมันส์อย่างเดียว ซึ่งถือว่ามันสามารถกลบในตัวบทที่อ่อนเอามาก ๆ ได้แทบจะหมด (แต่บางฉากก็แอบเบื่อเหมือนกันนะ)

ถือว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนังที่ดูได้เพลิน
ๆ สนุกสนานไม่ซีเรียส
พร้อมเอาใจเหล่ามังงะรุ่นเก่าเป็นไหน ๆ
ที่อยากจะย้อนวันวานหนังสู้รบหุ่นยนตร์ในอดีตให้ดูแล้วคิดถึงอยากกลับไปซื้อหุ่นยนตร์กับสัตว์ประหลาดมาเล่นกันอีกก็เป็นได้
(ไม่แน่ใจว่าเด็กรุ่นใหม่จะอินกับหนังแนวนี้หรือเปล่าเพราะหลายปีมานี้ไม่เป็นขบวนการเซ็นไตฉายช่องฟรีทีวีเลย
แม้กระทั้งอุลต้าแมนด้วยอ่ะนะ)
ส่วนผู้หญิงนั้นผมว่าลองปล่อยใจดูแล้วผมเชื่อว่าจะสนุกเอามาก ๆ เหมือนกัน
เพราะผมคิดว่าเป็นหนังที่ไม่เหมาะกับผู้หญิงเลยสักนิดเดียว และหนังเรื่องนี้ต้องดูเพทื่อความบันเทิงและย้อนวันวานเท่านั้น
ส่วนสาระนั้นคุณจะไม่มีวันได้เห็นมันแน่ ๆ
7/10 เพื่อความมันส์ที่ครบเครื่อง
ควรดูโรง IMAX
นะจ้ะ และหนังจบอย่าพึ่งลุก มีมุขเล็ก ๆ ช่วงท้ายเครดิตนะจ้ะ