The Hunger Games : Catching Fire
จากชีวิตสู่อำนาจ และการหลอกลวงของมายา
ถือว่าเป็นหนังเฟรนไชน์ที่ภาคแรกไม่ค่อยเป็นที่นิยมของคนไทย
(แต่ทั้งโลกตั้งตา) แต่พอมาภาค 2
กระแสกลับแรงมาผิดหูผิดตาจนงงเหมือนกัน
กับภาพยนตร์ดราม่ากึ่งโรแมนติกหรืออาจจะไม่มีด้วยซ้ำ
ซึ่งโดยส่วนตัวไม่เคยตามกระแสเพราะภาคแรกนั้นชอบมาก ๆ โดยเฉพาะนางเอกหน้าคมอย่างเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์
สิ่งแรกที่ต้องขอชมผู้กำกับที่สามารถคุมตีมของหนังได้คงเส้นถึงขั้นดีกว่าภาคแรก ที่แลดูว่าไม่น่าเบื่อไปกว่าเล็กน้อย กับตัดฉากการเล่าเรื่อง
การคุมอารมณ์ของหนังทำได้ค่อนข้างดีกว่าภาคแรกเล็กน้อย โดยเฉพาะฉากต่อสู้ที่ดูไม่ปวดหัวและระทึกมากกว่าพอสมควร
รวมไปถึงการคุมอารมณ์ของหนังที่ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเลยทีเดียว สามารถทำให้เรารู้สึกอยากเอาใจช่วยแคทนิสให้สามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่าง
ๆ นา ๆ
เพื่อที่จะเอาชนะสิ่งที่เรียกว่า “เบื้องสูง”
ให้กลุ่มคนชนชั้นล่างสามารถสื่อสารได้อย่างตรงไปตรงมา
และประเด็นการจิกกัดเรื่องการเมืองที่ทำได้อย่างเจ็บแสบเอามาก ๆ (ไม่ขอเอ่ยว่าคล้ายบางประเทศ)
แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกตะหงิดในเอาก็คือประเด็นในเรื่องความรัก ที่การโฆษณาของภาคนี้จะมุ่งเน้นไปที่เรื่องรัก
3 เศร้าระหว่างแคทนิส พีต้า และเกล
ซึ่งเหมือนการโผรโมทอาจจะทำให้หนังดูด้วยลงเพราะเมื่อคิดแบบนั้นมันไม่ต่างจากหนังกาก
ๆ อย่างหนังแวมไพรไร้สาราระอะไรนั่นเลย
(ไม่ขอเอ่ยนาม) เพราะเอาเข้าจริง ๆ หนังก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเรื่องความรักของแคทนิสนั้นเธอเลือกหนือรักใครมากกว่ากันแน่ เผลอ ๆ
ออกแนวรักพี่เสียดายน้อง
แต่ก็อย่างที่บอกนั่นหล่ะว่าหนังยังไม่ชัดเจนหรืออาจจะเป็นเพราะมันไม่ได้โฟกัสจุดนั้นตั้งแต่ต้น คงต้องไปโทษไอ้คนโปรโมทที่ทำเอาพวกติ่งบ้าความรักไม่ฟินกัน
ส่วนเรื่องของนักแสดงภาคนี้ถือว่าพอเอาตัวรอดได้ในส่วนของเจนนิเฟอร์
ลอว์เรนซ์ ที่เธอก็ยังคงแสดงอารมณ์ได้อย่างหลากหลายแต่ไม่เท่ากับตอนที่เธอเล่นในเรื่อง Silver Linings Playbook ซักเท่าไหร่ ส่วนตัวละครอื่น ๆ
ก็เล่นได้อาจจะตามมาตราฐานแต่ยังไม่ถึงขั้นดีมาก อาจจะเป็นเพราะตัวของผู้กำกับที่แบ่งความสำคัญของตัวครได้ค่อนข้างไม่ลงตัวพอสมควร ตัวไหนควรจะเด่นกลับไม่เด่น
ไม่มีการปูตัวละครที่จะไปต่อยอดในภาคต่อไปให้ชัดเจน
จนอาจจะทำให้คนดูสับสนในบางตัวละครว่าคือศัตรูหรือมิตร แต่สุดท้ายคำตอบก็จะมีในตอนจบนั่นหล่ะ
The Hunger Games : Catching Fire
ถือว่าเป็นหนังที่สมกับการรอคอยอยู่เหมือนกัน
ถึงแม้ว่าบางประเด็นของหนังยังทำได้ไม่ตื่นเต้นเท่าภาคแรก หรืออาจจะทิ้งปมไว้ทั่วเพื่อไปคลี่คลายใน 2
ภาคสุดท้ายก็เป็นได้
แต่ยังดีที่มีการจิกกัดเรื่องการเมืองการปกครอง เรื่องของรัฐศาสตร์ และเรื่องของวงการมายาได้แบบชัดเจนเจ็บแสบเอามากเลยทีเดียว
8.5 / 10